หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

LIJIANG


ย่านเมืองเก่าลี่เจียงมีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปได้มากกว่า 800 ปี และเคยเป็นจุดแลกเปลี่ยนค้าขายสินค้าตามเส้นทางสาย Tea Horse สายเก่า ย่านเมืองเก่านี้มีชื่อเสียงจากคูคลองและสะพานที่มีอยู่มากมาย จนได้รับการขนานนามว่า "เวนิสแห่งตะวันออกเมืองเก่าลี่เจียงมีสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมแตกต่างไปจากเมืองโบราณอื่นๆของจีน เนื่องจากเป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งรกรากของชาวหน่าซี หรือนาสี มาตั้งแต่สมัยโบราณ
  • กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น ส่งผลให้พื้นที่หนึ่งในสามของเมืองถูกทำลายลง
  • 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ย่านเมืองเก่าลี่เจียง (ต้าเหยียน ไป๋ซา และซูเหอ) ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ตั้งแต่นั้นมา ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรับภาระหน้าที่ในการพัฒนาและอนุรักษ์ย่านเมืองเก่ามากขึ้น และยังทำให้เมืองนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จนมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเยี่ยมชมเมืองเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็ทำให้ชาวเมืองเกรงว่ากระแสการท่องเที่ยวและการพัฒนาที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว จะทำให้เมืองนี้สูญเสียเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์ที่น่าประทับใจไป
  • พ.ศ. 2550 เมืองลี่เจียงของมณฑลยูนนานได้รับคัดเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวดีเด่นทางวัฒนธรรมจีน 

เรามาถึง ลี่เจียงตอนบ่ายๆด้วยรถบัส ออกจากแชงกลีร่าตอนเช้า มาถึงก็นั่งรถเมล์ไปเมืองเก่า พออกจากสถานีก็ด้านหน้าเลย 1 หยวน

ทางเข้าเป็นกังหันลมค่ะ นักท่องเที่ยวชาวจีนเยอะมากเดินกันขวักไขว่ เราอ่านจากในหนังสือแนะนำท่องเที่ยวแต่ถึงเวลาจริงๆ พอโทรไป คนรับไม่เคยพุดภาาาอังกฤษได้เลย หลายที่มากเดินจนล้า หลงทาง หรือที่พอจะหาได้ก็ เก่ามากๆ 100 หยวน
แถมห้องน้ำแชร์ด้วย ก็มีคนแนะนำให้ไป มาม่า สอง คือเขามีหลายที่ ท ี่เราพักค่อนข้างไกล เดินออกไปด้านหลังแต่ว่า
เงียบ พอเดินจริงก้ไม่ไกล 100 หยวนห้องน้ำในตัว ฟรีอินเตอเนต
วันแรกจะพาเที่ยวในลี่เจียงก่อนนะจ๊ะ ฤดูกาลท่องเที่ยวของชาวจีนมักมีแต่ชาวจีนเดินกันขวักไขว่ ต่างชาติมีแต่น้อยมาก
เขาบอกว่าคนจีนยากจน เห็นที่จะบอกว่าไม่ช่ายแล้วหล่ะ ที่เห็นทุกอย่างแพงมากๆ กินอยู่ หรือ เป็นที่ท่องเที่ยวก็ไม่รู้ทุกอย่างถุกจัดการหมดแล้ว แต่ก้ดีนะ สนับสนุนให้เที่ยวเมืองตัวเอง อันนี้ชอบความคิด
ลีเจียงจะมีลำธารไหลผ่านเมืองทุกตรอก จะมีบ่อขุดไว้สามบ่อ ก้คือ น้ำ กิน น้ำใช้ จะแยกกันอย่างดี
ร้านขายของที่ระลึกมากมายรวมทั้งของกินด้วย
เต้าหูทอดใส่พริก คนยูนานจะกินเผ็ดค่ะ แต่ทุกอันจะใส่เครื่องเทศหมดเลย ไม่ว่าจะปิ้ง หรือ ทอด


ผลไม้สดๆ วางขายกับพื้น บางทีเราชอบกิน แต่ซื้อไม่บ่อย เพราะซื้อทีไร ราคาแพงกว่าคนอื่นทู้กที
หรือเดินขายแบบนี้

เดินไปตามซอย น้ำใสมาก
กระโปรงสีสวย

รองเท้าน่ารักมากมาย ราคาไม่แพง แต่ว่ากระเป๋าแน่นมาก เสียดายจริงๆ
ผ้าพันคอ ทักทอกันตรงนั้นเลยค่ะ ราคาไม่แพง
ถึงประคูนี้แล้วเราเดินไปดูหลังคาเมืองลีเจียงกันค่ะ
อันนี้เอามาเปรียบให้ดูกัน แค่ถนนกั้น ระหว่างเมืองเก่า กับเมืองใหม่ค่ะ



เดินมาเรื่อยๆ ช่วงเที่ยงๆมีเต้นอีกแล้วค่ะ









วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Napahai Lake Shangri la

เราเดินจากเมืองเก่าจงเตี๋ยน เดินเรื่อยๆ จนข้ามฝั่งมาที่ตึกเยอะๆ เดินเลยห้างไปนิดหนึ่ง จะเจอป้ายรถเมล์ เราขึ้นรถเมล์สาย 3 จนไปถึงวัดทิเบตจงจั่นหลินซื่อ หรือ วัดโพตาลาน้อย แต่ค่าเข้าค่อนข้างแพงสำหรับ ประมาณ 85 หยวน ก็เลยตัดสินใจถามพนักงานแถวนั้นว่ามีที่ให้ไปได้ในช่วงบ่าย เราก็เลยไป napa lake กัน ค่าเหมารถ 50 หยวน รอกลับด้วย ประมาณ 3 โมง


อันนี้เป็นรูปรถแท็กซี่ ที่เราเหมา แต่เกิดเหตุการณ์ระทึกนึดหน่อย น่าจะเป็นการแย่งลูกค้ากัน แต่เราฟังไม่ออก แต่คนขับอีกคันไล่แตะประตูรถคันที่เรานั่งด้วย ก็เงียบกันไปพักใหญ่

ระหว่างทาง จะเห็นวิวสวยมาก เป็นทุ่งหญ้า และก็พืช ดอกไม้ เราขับเรื่อยๆจนถึงจุดที่จอดรถ แต่ว่าอีกฝั่งต้องนั่งลาเข้าไป แต่เราเลือกที่จะเดินไปอีกฝั่ง เสียแต่ค่าเข้าอุทยานเท่านั้น เพราะค่านั่งลาแพงเหลือเกิน

ตามเส้นทางเดินไปในหมุ่บ้าน นานๆจะเห็นคนเดินผ่านมาสักครั้ง คาดว่าน่าจะออกไปทำงานในไร่กันหมด เงียบมากเลย แอบกลัว

บ้านจะก่อสร้างด้วยดิน


สังเกตุดีๆนะน้องผุ้ชายนั่งเหมือนคนโตมากๆเลย แล้วนี่งมากตอนเข้าไปขอถ่ายรูป


คนจีนจะทำไม้ไว้อย่างสำหรับตากข้าวสาลี หรือ พืชผักค่ะ อันนี้ถามจากคนขับรถแท็กซี่ค่ะ


เขาเลี้ยงหมูป่ากันด้วย เห็นแล้วก้กินไม่ลงหล่ะ แต่แอบกินเนื้อจามจุรีไปแล้ว ฮิฮิ


ทุกบ้านมีฟืนเก้บไว้ใช้ยามหน้าหนาว

ที่จีนสังเกตุเห็นมีปลูกกัญชากันเยอะมากๆ

เดินออกจากหมู่บ้าน เขาบอกให้เดินตามทางน้ำไหล ก้จะเจอแต่ไร่สุดลูกหูลุกตาเลยจ้า บรรยากาศดีมากๆ




และแล้วก็ได้เวลากลับ เพราะว่าพายุมาไกลๆ รีบเดินไปให้ทันถึงรถ ฝนตกพอดี กลับเข้าเมืองเก่า บอกแท็กซี่พาไปซื้อตั๋วไปลี่เจียง ก่อนลงให้ทิปพี่เขาด้วย นิสัยดีมากๆ อ๋อ รู้แต่ว่า ชื่ออาโจ บางทีถ้าไป อาจถามหาได้ พี่เขาพุดอังกฤษนิดหน่อยค่ะ