หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Montmartre

วันนี้จะไปเดินย่านมงมาร์ต จากที่พักนั่งเมโทรไปลงที่ สถานี Anvers เดินเลี้ยวขวาไปเรื่อย มองขึ้นไปก็จะเจอ โบสถ์Sacre-Coeur เด่นอยู่บนเนินเขาเลยค่ะ แต่ระหว่างทางขึ้นระวังพวกคนดำ หรือกลุ่มเด้กๆนิดหนึ่ง ตรงนี้มิชฉาชีพค่อนข้างเยอะ จะเป้นแบบมาเรี่ยไรเงิน แล้วล้วงกระเป๋า หรือแบบเอาเชือกมาถักใส่มือเรา แล้วคิดเงินเว่อร์
หน้าหนาว พระอาทิตย์ตกดินอย่างเร็ว
ด้านข้างค่ะ เสร็จแล้วเข้าไปดูด้านในกันจ้า
เดินออกมาก็มืดอย่างที่เห็น วันนี้อากาศหนาวมาก
รอบนอก จะขาย hot wine ค่ะ ดื่มแก้หนาว เราลองแล้ว ก็เมานิ่มๆเหมือนกันน้า
ม้าหมุนสำหรับเด็กๆ พาเดินรอบ ไปดูกันว่า เขา ขายอะไรกันบ้าง แต่ถ้าเพื่อนๆอยากซื้อของที่ระลึก ย่านนี้ ขายไม่แพงค่ะ ถ้าเทียบกับที่อื่นๆ




ลานศิลปิน เดินดูจะเห็นคนหน้าเอเซียมาถามว่าจะวาดรูปเยอะเหมือนกันค่ะ อะไรๆก็ดูจะเปลี่ยนแปลงเนอะ
หนาวแค่ไหน ก็ทนได้ ขอให้รูปสวยหล่ะ ^-^


มุมสามแยกนี้สวยจริงๆจ้า เราเลี้ยวขวาไปดูดีกว่ามีไร
กะว่าจะพามาดูร้านโชว์คาบาเรย์ที่เก่าแก่ที่สุด แต่ว่าวันนี้ปิด เสียดายจัง
อีกหนึ่งร้านอาหาร สีชมพูน่ารัก เป็นร้านมีชื่อในละแวกนี้เช่นกันค่ะ
มาปารีส ต้องทานเครป ค่ะ
ซอยเล็กๆทะลุไปทางโบรส์ เดินจับมือกับคนรู้ใจ โรแมนติกมาก แต่แอบกลัวเหมือนกันนะ ทะมึนๆ ฮิฮิ
กาแฟสักถ้วยก่อนกลับบ้าน แต่กรุณาดูเมนูทุกครั้งก่อนสั่งคร้า 555 

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Tour Eiffel

 คืนคริสมาส เราฝ่าลมหนาว ไปเดินขึ้น ไอเฟล กัน เดินไม่ยากอย่างที่คิด แถมไม่ต้องรอคิวยาวเหยียดด้วย สบายๆตามสไตล์งบค่ะ





ลานไอซ์สเก็ตบนไอเฟลชั้นหนึ่ง






หอไอเฟล (ฝรั่งเศส: Tour Eiffel, ตูร์แอฟแฟล; อังกฤษ: Eiffel Tower) หอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย
หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล" ในปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลมีความสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) (รวมเสาอากาศสูง 24 เมตร (79 ฟุต)) ซึ่งก็สูงเท่ากับตึก 81 ชั้น
เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ปัจจุบันฟอไอเฟลสูงเป็นอันดับที่ 5 ในประเทศฝรั่งเศสและสูงที่สุดในกรุงปารีส ซึ่งอันดับสองคือหอมงต์ปาร์นาสส์ (Tour Montparnasse - 210 เมตร หรือ 689 ฟุต) ซึ่งในไม่ช้าจะถูกแทนที่โดยหออาอิกซ์อา (Tour AXA - 225.11 เมตร หรือ 738.36 ฟุต)






















วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Christmas Eve

คริสมาสอีฟ ของคนไกลบ้าน ค่ะ ตั้งโต๊ะรอแขกรับเชิญ


มาแล้วน้องสาวผู้น่ารักทั้งสองคน
พ่อครัวพร้อม^-^

มันบดอบ


หอยทากอบเนย
ถั่วเบคอน
ไอศรีมออมเลต
มาการูน (French Macaroons)
funtime

Fun Time Christmas Eve

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554



The Place des Vosges is the oldest planned square in Paris. It is located in the Marais district,

ในปารีส สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1605-ค.ศ. 1612 ใช้ศาลาสองข้างที่หมายว่าเป็นตอนกลางของทางด้านเหนือและทางด้านใต้ที่เรียกว่า “ศาลาราชา” และ “ศาลาราชินี” ศาลาที่ว่านี้เป็นซุ้มสามโค้งซึ่งเป็นเหมือนเรือนเฝ้าประตู (gatehouse) ที่เป็นทางเข้าอันสมศักดิ์ศรีเข้ามาในจตุรัส การสร้างเรือนเฝ้าประตูในฝรั่งเศสในรูปของศาลามีมาร้อยปีก่อนหน้านั้นแล้ว

Winter in Paris

ถึงปารีสประมาณเจ็ดโมงเช้า อยากจะบอกถ้าไม่นับรวม ต้องทนนั่งบนเครื่องหลายๆชั่วโมง และการรอต่อเครื่องที่มาเลย์ การเดินทางครั้งนี้ก้ถือว่าไม่เลวทีเดียว คุณน้าผู้หญิงชาวมาเลย์มากับสามี และกรุ๊ปทัวร์ ก้ออกจะใจดี ชวนกินข้าวอยู่เรื่อยๆ เหมือนคนไทยเลย และอีกสี่งที่น่าประทับใจ ตม.ของฝรั่งเศล ยิ้มแย้มแจ่มใสมาก แถมพูดสวัสดีเป็นภาษาไทยกับเราด้วย เรางี้ยิ้มแก้มปริเลย ภูมิใจตอนที่เธอบอกว่าคนไทยใจดี และนิสัยดีมาก ไทยใจดี  เธอชอบเมืองไทย พอขนกระเป๋าออกมา คนที่มารับก็พาขึ้นรถเมล์ มีราคาถูกนิดหนึ่ง ประมาณไม่เกินสองยูโร เพื่อนถามรอได้มั้ยประมาณ ครึ่งชั่วโมง รอได้ค่ะ อยู่กรุงเทพ หรือ อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดรอนานกว่านี้อีก แต่แนะนำว่า บางทีถ้ามีเวลาน้อยก็เลือกนั่งคันที่ไปเร็วก็ได้นะค่ะ ราคาก็ประมาณ 300-400 บาทไทยค่ะ แต่พอดีผู้เขียนมีงบประมาณจำกัดค่ะ^-^ตั่วสามารถซื้อได้ข้างหน้าเลยค่ะ นั่งมาเรื่อยๆจนมาถึงทีพัก โชคดีอย่างอยู่ในเมือง


สะพานข้ามคลองเล็ก ตรง st martin 


วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

LIJIANG


ย่านเมืองเก่าลี่เจียงมีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปได้มากกว่า 800 ปี และเคยเป็นจุดแลกเปลี่ยนค้าขายสินค้าตามเส้นทางสาย Tea Horse สายเก่า ย่านเมืองเก่านี้มีชื่อเสียงจากคูคลองและสะพานที่มีอยู่มากมาย จนได้รับการขนานนามว่า "เวนิสแห่งตะวันออกเมืองเก่าลี่เจียงมีสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมแตกต่างไปจากเมืองโบราณอื่นๆของจีน เนื่องจากเป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งรกรากของชาวหน่าซี หรือนาสี มาตั้งแต่สมัยโบราณ
  • กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น ส่งผลให้พื้นที่หนึ่งในสามของเมืองถูกทำลายลง
  • 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ย่านเมืองเก่าลี่เจียง (ต้าเหยียน ไป๋ซา และซูเหอ) ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ตั้งแต่นั้นมา ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรับภาระหน้าที่ในการพัฒนาและอนุรักษ์ย่านเมืองเก่ามากขึ้น และยังทำให้เมืองนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จนมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเยี่ยมชมเมืองเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็ทำให้ชาวเมืองเกรงว่ากระแสการท่องเที่ยวและการพัฒนาที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว จะทำให้เมืองนี้สูญเสียเอกลักษณ์และมนต์เสน่ห์ที่น่าประทับใจไป
  • พ.ศ. 2550 เมืองลี่เจียงของมณฑลยูนนานได้รับคัดเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวดีเด่นทางวัฒนธรรมจีน 

เรามาถึง ลี่เจียงตอนบ่ายๆด้วยรถบัส ออกจากแชงกลีร่าตอนเช้า มาถึงก็นั่งรถเมล์ไปเมืองเก่า พออกจากสถานีก็ด้านหน้าเลย 1 หยวน

ทางเข้าเป็นกังหันลมค่ะ นักท่องเที่ยวชาวจีนเยอะมากเดินกันขวักไขว่ เราอ่านจากในหนังสือแนะนำท่องเที่ยวแต่ถึงเวลาจริงๆ พอโทรไป คนรับไม่เคยพุดภาาาอังกฤษได้เลย หลายที่มากเดินจนล้า หลงทาง หรือที่พอจะหาได้ก็ เก่ามากๆ 100 หยวน
แถมห้องน้ำแชร์ด้วย ก็มีคนแนะนำให้ไป มาม่า สอง คือเขามีหลายที่ ท ี่เราพักค่อนข้างไกล เดินออกไปด้านหลังแต่ว่า
เงียบ พอเดินจริงก้ไม่ไกล 100 หยวนห้องน้ำในตัว ฟรีอินเตอเนต
วันแรกจะพาเที่ยวในลี่เจียงก่อนนะจ๊ะ ฤดูกาลท่องเที่ยวของชาวจีนมักมีแต่ชาวจีนเดินกันขวักไขว่ ต่างชาติมีแต่น้อยมาก
เขาบอกว่าคนจีนยากจน เห็นที่จะบอกว่าไม่ช่ายแล้วหล่ะ ที่เห็นทุกอย่างแพงมากๆ กินอยู่ หรือ เป็นที่ท่องเที่ยวก็ไม่รู้ทุกอย่างถุกจัดการหมดแล้ว แต่ก้ดีนะ สนับสนุนให้เที่ยวเมืองตัวเอง อันนี้ชอบความคิด
ลีเจียงจะมีลำธารไหลผ่านเมืองทุกตรอก จะมีบ่อขุดไว้สามบ่อ ก้คือ น้ำ กิน น้ำใช้ จะแยกกันอย่างดี
ร้านขายของที่ระลึกมากมายรวมทั้งของกินด้วย
เต้าหูทอดใส่พริก คนยูนานจะกินเผ็ดค่ะ แต่ทุกอันจะใส่เครื่องเทศหมดเลย ไม่ว่าจะปิ้ง หรือ ทอด


ผลไม้สดๆ วางขายกับพื้น บางทีเราชอบกิน แต่ซื้อไม่บ่อย เพราะซื้อทีไร ราคาแพงกว่าคนอื่นทู้กที
หรือเดินขายแบบนี้

เดินไปตามซอย น้ำใสมาก
กระโปรงสีสวย

รองเท้าน่ารักมากมาย ราคาไม่แพง แต่ว่ากระเป๋าแน่นมาก เสียดายจริงๆ
ผ้าพันคอ ทักทอกันตรงนั้นเลยค่ะ ราคาไม่แพง
ถึงประคูนี้แล้วเราเดินไปดูหลังคาเมืองลีเจียงกันค่ะ
อันนี้เอามาเปรียบให้ดูกัน แค่ถนนกั้น ระหว่างเมืองเก่า กับเมืองใหม่ค่ะ



เดินมาเรื่อยๆ ช่วงเที่ยงๆมีเต้นอีกแล้วค่ะ